วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง

อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง
      อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง ที่นี่จะมีหาดทรายขาว มีทิวสนร่มรื่นยาวตั้งแต่หาดอ่าวมะนาวจนถึงหาดเขาต้นหยงซึ่งเป็นอีกหนึ่งหาดที่มีเสน่ห์ตรงโขดหินธรรมชาติที่ตั้งพาดสลับกับหาดทรายเป็นพื้นหลังให้เรานั่งถ่ายรูปได้ตามใจ ส่วนพี่น้องเจ้าของบ้านเขาก็ค้าขายกันขวักไขว่ เมื่อเราเดินผ่านคนไหนก็ได้รอยยิ้มพิมพ์ใจจากทุกคนเลยนะ และด้วยความที่ยังไม่มีบ้านพักบริการนักท่องเที่ยว มีเพียงลานเต็นท์ผ้าใบเพียงอย่างเดียวจึงทำให้อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยงยังสงบและสะอาด


      อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง นราธิวาสตั้งอยู่ที่ อ. เมือง จ. นราธิวาส ใกล้กับพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ซึ่งก่อนถึงพระตำหนักจะมีทางเลี้ยวเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยงฮะ สนใจก็ติดต่อที่อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง โทรศัพท์ 081-957-8166 ได้เลย


ผานับดาว

ผานับดาว
     เขาที่ผานับดาว หรือที่ทุกคนที่นี่เรียกว่า ฆุนุง บาตูปูเต๊ะห์ แปลว่าภูผาหินขาว ภูเขาที่สามารถชมดาวยามค่ำคืนแล้วตื่นมาจ๊ะเอ๋ทะเลหมอกยามอรุณรุ่ง นอกจากนั้นผานับดาวเป็นภูเขาที่ยังอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ มีต้นน้ำสะอาดที่หล่อเลี้ยงทุกชีวิต ณ ที่แห่งนี้ ดังนั้นผาหินดาวจึงมีความสำคัญมากกว่าการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป แต่เป็นเสมือนหัวใจและศูนย์กลางของทั้งสัตว์ป่าและผู้คน


     เมื่อลืมตามาตอนเช้า นอกจากอากาศเย็นสบายจะโอบกอดรอบตัวเราแล้ว บนยอดเขายังเต็มไปด้วยทะเลปุยเมฆที่ค่อยๆเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ขณะที่แสงตะวันก็เริ่มสาดทอมาเร่งเราให้รีบลุกออกจากเต้นท์เพื่อมาตื่นเต้นกับภาพสวยๆตรงหน้าที่กล้าการันตีเลยว่าทะเลหมอกภาคใต้สวยงามไม่เป็นเป็นสองรองใคร!!


    ผานับดาวตั้งอยู่ที่ บ้านราษฎร์ประสาน ม.9 ต.สุคิริน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส การเดินขึ้นเขาก็ไม่ยากมาก สามารถเดินขึ้นได้เรื่อยๆ สบายๆ ไม่ร้องไห้เพราะเหนื่อยแน่นอนฮะ

ล่องแพไม้ไผ่ ลานเฟิร์น

ล่องแพไม้ไผ่ ลานเฟิร์น

   กิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ ลอยตัวชิลล์ๆไปบนผืนน้ำใสใต้ม่านไม้เขียวๆกันที่ ลานเฟิร์นที่นี่เป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่แวดล้อมไปด้วยใบเฟิร์นสมกับชื่อ ความดีงามคือทัศนียภาพเขียวขจีที่คงความดิบ ความบริสุทธิ์ให้เราได้มาหยุดพักผ่อน ได้เขวี้ยงความเหนื่อยล้าจากวันทำงานแล้วลองไปตั้งแคมป์ หรือพายเรือคายัคพักกันสักวัน โดยที่รอบข้างนั้นไร้สิ่งรบกวนใดๆ เหมือนกับได้กลับไปเป็นส่วนหนึ่งในธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ลานเฟิร์นตั้งอยู่ที่ ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ห่างจากหมู่บ้านโต๊ะโมะไม่ถึง 10 กิโลเมตรและการเดินทางก็ค่อนข้างสะดวกเนื่องจากมีเส้นทางรถเข้าถึง (แต่ควรเป็นกระบะ หรือ 4WD)




ล่องแก่งเรือคายัค

ล่องแก่งเรือคายัค แม่น้ำสายบุรี

     แม่น้ำสายบุรี ซึ่งเดิมเป็นเส้นทางเดินเรือโบราณจากต้นน้ำที่มีแหล่งเหมืองทองเราจะได้ล่องเรือบนน้ำใสๆเย็นๆ ผ่านเกาะแก่ง โขดหิน ผ่านน้ำเชี่ยวน้ำวนปะปนกันไป (แต่ก็ไม่รุนแรงมาก) เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งสิ่งที่น่าประทับใจในกิจกรรมนี้ก็คือภาพที่ผู้คนในท้องถิ่นกำลังร่อนทองคำ ทำให้เราได้เห็นชีวิตประจำวันริมสองฝั่งที่ยังดำเนินไปอย่างปกติธรรมดา เรียบง่าย สมถะ และน่ารักไปอีกแบบหนึ่งฮะ ส่วนอัตราค่าบริการถ้าจำไม่ผิดจะอยู่ที่เที่ยวละ 100 บาท นั่งได้ลำละ 2 คนแล้วก็ทุกวันพุธจะมีตลาดนัดริมน้ำที่เป็นแหล่งรวมของอาหารท้องถิ่นด้วยจ้า



เหมืองแร่ทองคำโต๊ะโมะ

เหมืองแร่ทองคำโต๊ะโมะ

    สถานที่แห่งนี้เป็นเหมืองทองคำที่สร้างขึ้นเมื่อก่อนปี พ.ศ. 2474 ซึ่งถึงแม้ว่าปัจจุบันได้ยกเลิกสัมปทานเหมืองแร่ทองคำไปแล้ว แต่สิ่งก่อสร้างเช่นอุโมงค์ต่างๆยังคงมีอยู่ให้เราเข้าไปดูไปสัมผัสบรรยากาศด้านในกัน นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังมีป่าไม้และลำธารใสไหลเย็นเห็นตัวปลา เราก็เอ็นจอยกับการก้าวช้าๆ ให้ความสดชื่นของสายน้ำรักษาความเหนื่อยล้าจากการเดินทางได้แบบหายสนิทเลย เหมืองแร่ทองคำโต๊ะโมะตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านโต๊ะโมะ ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ซึ่งจะห่างจากตัวอำเภอประมาณ 30 นาที โดยขับตามถนนหมายเลขที่ 4217  จนกระทั่งเจอมัสยิดฮาดิทางขวามือ แต่ให้ขับรถตรงไปจ้า (เปิด Google Map ได้นะ ไม่หลงเชื่อเรา)




วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ต้นกระพงษ์ยักษ์

ต้นกระพงษ์ยักษ์
   เข้าสู่เขตป่า ฮาลา บาลา เพื่อแวะสวัสดีต้นกระพงษ์ยักษ์ใหญ่ขนาด 2527 คนโอบ!! ขอบอกว่าต้นไม้พี่ใหญ่ต้นนี้เคยถวายการต้อนรับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ครั้งเมื่อเสด็จลงไปทรงเยี่ยมเยียนประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ซึ่งนอกเหนือจากความใหญ่ที่ขึ้นชื่อ รอบๆข้างยังเขียวชอุ่มชุ่มใจไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยนานาพันธุ์ บอกเลยว่าระบบการหายใจนั้นดีขึ้นทันที่เมื่อมาเที่ยวที่นี่ฮะ


   ต้นกระพงษ์ยักษ์ต้นนี้ตั้งอยู่ที่ใกล้วัดพระธาตุภูเขาทอง เนินพิศวง น้ำตกศรีทักษิณ ถ้าแวะมาเที่ยวก็มาอินกับความดิบๆเขียวๆฟอกใจฟอกปอดกันจ้า แล้วก็แลนด์มาร์คนี้จะเป็นที่สุดท้ายของจังหวัดนราธิวาส





คูลแคมปิ้ง อัยเยอร์เวง

คูลแคมปิ้ง อัยเยอร์เวง
      ใต้สุดแดนสยาม ถ้ำงามหินอ่อน พระนอนศรีวิชัย ทะเลใหญ่บนภูเขา ชนเผ่าซาไกซึ่งที่เที่ยวสวยๆ ที่เราขออวยกันที่แรกก็คือที่พักของเราคูลแคมปิ้ง อัยเยอร์เวง ซึ่งเป็นที่พักชิลล์ๆ แนวกางเต๊นท์เอ็นจอยชีวิต Slow Life บนยอดเขาที่เราชอบมากๆที่หนึ่ง และอัยเยอร์เวงยังเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยถึงขนาดได้รับความนิยมไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียเลยทีเดียว

   จะดีแค่ไหนที่เราได้นั่งหอยขา เริ่มต้นชีวิตอย่างช้าๆ กับเบื้องหน้าที่มีทะเลหมอกล่องลอยยามเช้า จิบกาแฟแก้วโปรด โอดอ้อนคนรู้ใจ ซึ่งที่กล่าวไว้ ทุกคนสามารถไปสัมผัสได้ที่คูลแคมปิ้ง อัยเยอร์เวงจริงๆเราคอนเฟิร์มด้วยหัวใจสิบดวง ส่วนการเดินทางมาที่นี่ให้นั่งรถตู้จากตัวเมือง โดยใช้เส้นทางถนนสาย 410 ลงหมู่บ้านละหาดหรือที่เรียกว่าหมู่บ้านกิโลเมตรที่ 40 ศาลาแรก หลังจากนั้นพี่ๆที่รีสอร์ทจะมารับเราเอง



เบตง

เบตง
       เพราะเที่ยวภาคใต้มันเท่ เราเลยมาโอเคเบตงกันต่อ เบตงเป็นอำเภอที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย แวดล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่จึงทำให้อำเภอนี้มีสภาพอากาศที่ดีมากๆ และถ้ามาเบตงแล้วงงไม่รู้จะไปเริ่มต้นจากจุดไหน ก็จะแนะนำให้ไปหอนาฬิกาเบตงที่ตรงกลางเมืองก่อนเลย เพราะนอกจากจะสูงเด่นเป็นสง่า ยังช่วยให้เรามาเห็นวิถีชีวิตของผู้คนที่ไม่ได้แตกต่างจากที่ใดๆที่เราไปมาเลยนะ ทั้งคุณพ่อคุณแม่พาเด็กๆไปโรงเรียนยามเช้า พ่อค้าแม่ขายยืนเฝ้าแผงลอย และทุกๆคนที่ทยอยเริ่มต้นชีวิตประจำวันของตัวเอง


   และส่วนใหญ่ถ้ามาเที่ยวเมืองเบตงเขาก็จะบอกให้ลองไปที่สนามกีฬาเบตง แรกๆก็งงว่ามันมีอะไร แต่คิดมาคิดไปก็พอเข้าใจกับตัวเองได้ว่า ก็เพราะความไม่มีอะไรนั่นแหล่ะที่ดีงาม เพราะเบตงก็เหมือนทุกที่ทั่วๆไปที่ทุกคนดำรงชีวิตกันตามปกติ สงบ เรียบง่าย ไม่ได้วุ่นวายหรือน่ากลัวเหมือนที่เราคิด เช้ามาทำงาน เย็นมาก็ออกกำลังกาย มีงานอะไรก็จัดกันไปในชุมชน เป็นความไม่มีอะไรที่ได้เปลี่ยนทัศนคติของเราใหม่ และเราก็อยากฝากความรู้สึกดีๆนี้ให้ทุกคนได้รับรู้และเรียนรู้ที่จะเข้าใจกันและกันมากขึ้น


      ในเมืองเบตงจะมีสตรีทอาร์ตจากงานกราฟฟิตี้น่ารัก ๆ ประดับบนผนังตึกเห็นได้อยู่ทั่วไป เพิ่มความน่ารักสดใสให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมา ส่วนที่เราชอบมากคือภาพ Street Art ที่เป็นคนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ด้านหลังแผงลอยร้านค้า ทำให้รู้สึกว่าผู้คนที่นี่เขามีศิลปะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ซึ่งเราเชื่อว่าคนที่อินกับศิลปะนั้นย่อมเป็นคนอ่อนโยนแน่นอน!



ป่าบาลาฮาลา

บาลา-ฮาลา

      สามจังหวัดนี้เขามีอะไรเขียว ๆ เยอะ ดังนั้นวันนี้เราจะเข้าไปที่ป่าบาลา-ฮาลา ป่าดงดิบสุดท้ายบนปลายด้ามขวานไทยที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ และยังเป็นต้นน้ำที่ไหลหล่อเลี้ยงผู้คนในจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจก็คือการแคมป์ปิ้งหรือล่องแพบนทะเลสาบเขื่อนบางลางเพื่อชื่นชมและศึกษาเส้นทางธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์เป็นอันดับต้นๆของประเทศไทยเลยฮะ สำหรับการมาท่องเที่ยวในสถานที่แห่งนี้สามารถติดต่อได้ที่ อบต.แม่หวาด อำเภอธารโต จังหวัดยะลา โทร. 073 280191, 073 280043






สตรีทอาร์ต ยะลา

สตรีทอาร์ต ยะลา

     มาดูผลงาน Street Art ของพี่ ALEX FACE กัน หากใครยังไม่คุ้นชื่อนี้ก็ก๊อปชื่อพี่เขาไปค้นเอาใน Facebook ดูได้เลย ซึ่งงานศิลปะเหล่านี้จะตั้งอยู่ที่ถนนนวลสกุลตรงข้ามห้างโคลิเซี่ยม จังหวัดยะลา และตอนที่เรามาก็พบเจอน้อง ๆ กำลังลั่นกล้องถ่ายภาพน่ารัก ๆ กันอยู่ เห็นดูแล้วก็ชื่นใจ เราคิดว่าศิลปะก็เหมือนการท่องเที่ยวนะ  ไม่มีพรมแดน ไม่มีอะไรขวางกั้น และคนไม่ว่าจะศาสนาไหน จะอยู่ที่ใดก็สามารถมีศิลปะ หรือการท่องเที่ยวไว้เป็นภาษากลางที่สื่อสารถึงกันได้เข้าใจแม้ไม่ต้องพูดอะไรกันเลย




สะพานดำ

สะพานดำ

     สะพานดำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวง่าย ๆ ภายในตัวเมืองยะลา ซึ่งจะตั้งอยู่บนแม่น้ำปัตตานีที่มีต้นน้ำอยู่บนเทือกเขาสันกาลาคีรี จุดเด่นของสะพานดำแห่งนี้คือเป็นที่ถ่ายรูปของนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่น ที่ๆมายืนอินๆพักผ่อนกับลมเย็นๆที่พัดผ่านน่านน้ำบ้านเกิดของพวกเขาที่เราแอบรู้สึกอิจฉาว่าทำไมยะลาถึงมีที่เที่ยวในเมืองเยอะจัง



มัสยิดกลางปัตตานี

มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี

    ปัตตานีเป็นหนึ่งในจังหวัดสามชายแดนภาคใต้ที่ติดกับนราธิวาส ยะลาและสงขลา ซึ่งเวลาที่เรามาถึงก็เป็นช่วงเย็นและภาพแรกที่เห็นคือชาวบ้านใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย บ้างก็ปั่นจักรยาน บ้างไปจ่ายตลาด ทำมาหากินกันปกติสุขดี และเป้าหมายแรกของเราจะเริ่มที่มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ที่ที่มีความสวยงามโดนเด่นทางด้านสถาปัตยกรรม (รูปทรงภายนอกมีต้นแบบมาจากทัชมาฮาลเลยนะ) ส่วนความสำคัญคือเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้นับถือศาสนาอิสลามขนาดใหญ่ในภาคใต้ ซึ่งช่วยให้พี่น้องชาวมุสลิมต่างชุมชนได้มาพบปะสังสรรค์แลกเปลี่ยนพูดคุยหรือละหมาดร่วมกันที่มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีนี้อีกด้วย




แหลมตาชี

แหลมตาชี
    แหลมตาชี ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ. ยะหริ่ง จ. ปัตตานี ตัวแหลมมีลักษณะคล้ายๆเกาะรูปหัวง้าวที่ยื่นออกไปในทะเล ซึ่งจริงๆแล้วคือแผ่นดินที่ทอดยาวมาจากหาดตะโละกาโปร์ที่ขนานโอบล้อมอ่าวปัตตานีนั่นเอง เหตุผลหลักที่เราหลงรักที่นี่เพราะแหลมตาชีมีทำเลที่จะเห็นทั้งพระอาทิตย์ขึ้นจากอีกฝั่งและตกลงในอีกฝั่ง เราว่าเป็นสถานที่ที่ปังมากๆ ถ้าหากได้มีเวลาอยู่ถ่ายรูปนานๆ


     หากเห็นภาพจากมุมสูงนี่อาจคิดว่าเป็นเกาะในดูไบ ที่เราชอบใจคือความสงบของที่นี่ รวมถึงความดูดีแบบดั้งเดิม กล่าวคือทางชาวบ้านไม่ได้แต่งเติมจนทุกอย่างดูผิดเพี้ยนไป และยังคงไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมที่สะอาดและระบบนิเวศน์ที่ดีเราว่าสิ่งเหล่านี้คือต้นแบบการสร้างสรรค์การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน


หาดแฆแฆ

หาดแฆแฆ
     หาดแฆแฆที่แปลว่าอึกทึกครึกโครม ซึ่งสุดแสนจะผิดกับความเป็นจริงที่สงบเงียบตลอดหาดทรายที่โค้งเว้ายาวถึงห้ากิโลเมตร ชายหาดแฆแฆแห่งนี้มีชื่อเสียงเรียงนามว่าเป็นหาดที่งดงามที่สุดของปัตตานี เป็นหาดที่มีทรายขาวตัดกับน้ำทะเลสีครามและโดดเด่นด้วยหินแกรนิตธรรมชาติที่ตั้งพาดเรียงรายริมชายหาด รวมถึงมีศาลาพักผ่อนและจุดชมวิวอีกด้วย และอีกหนึ่งกิมมิคที่เราชอบมากของจังหวัดปัตตานี คือการที่มีน้องแพะอยู่เกือบทั่วทุกที่เลย

     หาดแฆแฆตั้งอยู่ที่ ต. บ้านน้ำบ่อ อ. ปะนาเระ จ. ปัตตานี ส่วนการเดินทางมาที่หาดนี้ก็ง่ายๆ เปิด Google Map แล้วเลาะตามไปได้เลยไม่หลงชัวร์ๆจ้า ( จากตัวเมืองปัตตานีจะใช้เวลาประมาณ 50 นาทีฮะ )


น้ำตกทรายขาว

น้ำตกทรายขาว



     น้ำตกทรายขาวที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว ที่มีอาณาบริเวณยาวครอบคลุม 3 จังหวัดชายแดนเลยนะ น้ำตกแห่งนี้จะมีความชื้นสูงมากรวมถึงอากาศที่เย็นสบายภายใต้ความชอุ่มชุ่มชื่นของป่าดิบชื้นที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พี่เจ้าหน้าที่เขาเล่าว่าสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ที่นี่มีหลายสายพันธุ์ ถ้าโชคดีเราอาจจะได้เห็นเลียงผา หมูป่า เก้ง เม่น กระจง ลิง ค่าง เต็มไปหมด ซึ่งจนวันนี้ความยิ่งใหญ่อลังการของภาพน้ำตกยังคงปรากฏอยู่ในความคิดถึงของเราบ่อยๆ เพราะเราไม่ค่อยได้พบน้ำตกที่ไหนที่ยิ่งใหญ่ มีทั้งหน้าผา โขดหินที่เราสามารถไปยืนอินใกล้ๆได้อย่างปลอดภัย ส่วนตัวอุทยานนั้นตั้งอยู่ที่ ม.5 ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ถ้าสนใจโทรไปที่ 0 7342 0295 ได้เลยน้า

บานา สะพานไม้

สะพานไม้บานา

       สะพานไม้แห่งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจที่จะสร้างการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติบริเวณป่าชายเลนรอบอ่าวปัตตานีของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จุดเด่นคือทางสะพานไม้บนทะเลป่าชายเลนกว้างๆ ซึ่งเหมาะกับภาพมุมเหงาๆ หรือถ้าไม่อยากเศร้าเราก็สามารถล่องเรือเพื่อศึกษาวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่นและระบบนิเวศน์บริเวณนี้ก็ได้เช่นกันนะ สะพานไม้บานาจะตั้งอยู่ใกล้ๆกับมัสยิดกรือเซะ ซึ่งถ้าขับรถจากตัวเมืองมาจะใช้เวลาประมาณสามสิบนาทีจ้า


สกายวอล์ค ปัตตานี

สกายวอล์ค ปัตตานี

    
     แลนด์มาร์คที่มีคอนเซ็ปท์ว่า มาแล้วต้องกลับมาใหม่กับสกายวอล์ก ณ ปัตตานีที่อยู่สูงจากพื้นดินเทียบเท่าตึก 4 ชั้นจ้า บนสะพานนี้เราจะได้เดินชมทัศนียภาพสวยๆที่แสนสงบของเมืองในมุมกว้าง ยาวไปยันปลายแหลมตาชีอีกด้วย ไม่ใช่แค่ด้านบนที่เดินเที่ยวได้นะ เพราะด้านล่างยังมีทางเดินสวนป่าชายเลนที่ยาวมากกว่าหนึ่งกิโลเมตร เรียกได้ว่ามาหนึ่งได้ถึงสองสไตล์เที่ยวเลย สกายวอล์คปัตตานีจะตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับมัสยิดกลาง ห่างออกไปประมาณ 15 นาทีขับรถเท่านั้นจ้า ( เปิด Google Map หาคำว่า Pattani Sky Walk ได้เลย )


ตะโละกาโปร์ ที่รัก


หาดตะโละกาโปร์ - ปัตตานี



      หาดตะโละกาโปร์ ปัตตานี ตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้านชาวประมงที่ใช้เรือกอและออกไปหาปลา เรือกอและนั้นเป็นเรือประมงพื้นบ้านที่มีลวดลายสวยงาม ผสมผสานลายมลายูลายชวาและลายไทยที่โดดเด่นเป็นลายกนก ลายบัวคว่ำบัวหงาย ลายหัวนกในวรรณคดี แต่งแต้มด้วยสีสันสดฉุดฉาดสวยงาม นับเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่หาชมได้ยาก นอกจากนี้ชายหาดตะโละกาโปร์ ปัตตานียังเป็นชายหาดที่สวยงามหากมาตรงจังหวะพระอาทิตย์กำลังอัสดง ชายหาดจะกลายเป็นสีทองสวยงามสุดๆ